วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

หน้าเด็กลงได้ง่ายๆ ด้วยการนอนห้อยหัววันละ 10 นาที

รู้หรือไม่ว่าแค่การนอนห้อยหัวเพียงวันละ 10 นาที เป็นประจำทุกวัน สามารถช่วยให้ใบหน้าของเรานั้นแลดูเด็กลงได้ พร้อมทั้งยังมีข้อดีต่างๆอีกมากมาย มีอะไรบ้างมาดูกัน


ช่วยให้สมองโลดแล่น

เนื่องจากเซลล์ต่างๆของสมองต้องการเลือดไปหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นการที่เรานอนห้อยหัวจงช่วยให้เลือดไหลเวียนไปสู่สมองได้ง่ายและมากขึ้น จึงทำให้เซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆตรงสมองได้รับการบำรุงซ่อมแซม และได้รับเลือดหล่อเลี้ยงระบบต่างๆอย่างเต็มที่ เลยทำให้ระบบสมองเรามีความคิด การอ่านที่ดีขึ้น มีความจำที่ดีขึ้น ลดการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และไมเกรนได้ นอกจากนี้ ยังลดอาการเกิดผมหงอก ผมขาว แถมยังช่วยให้สีผมกลับมาเป็นสีปกติ และยังทำให้มีความคิดในแง่บวก มองโลกในแง่ดี เพราะเกิดการช่วยกระตุ้นต่อมหมวกไตที่ผลิตฮอร์โมนสำคัญๆอีกหลายชนิด

ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ สดใส

เพราะในขณะที่เรานอนห้อยหัวเพื่อให้เลือดได้ไหลเวียนไปยังส่วนสมอง ในระยะเวลานั้นผิวหน้าของเราก็จะได้รับเลือดไปล่อเลี้ยงผิวด้วยเช่นกัน ทำให้ใบหน้าเราได้รับออกซิเจนและสารอาหารต่างๆมาล่อเลี้ยงที่ผิว ผิวจึงมีการสร้างเซลล์ผิวหน้าที่มากขึ้น ทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่ง เต่งตึง ริ้วรอยเหี่ยวย่นที่มีลดลง และยังช่วยในเรื่องของการยกหน้า (Face Lift) อีกด้วย

ช่วยปรับสมดุลต่างๆ

เนื่องจากสมองเป็นแหล่งรวมระบบประสาทและการทำงานต่างๆของร่างกาย การนอนห้อยหัวเพื่อให้เลือดไปหล่อเลี้ยงได้ดีขึ้น จึงเป็นการไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดยังต่อมต่างๆ เช่น ต่อมใต้สมองและต่อมไฮโปทาลามัส ที่มีความสำคัญต่อร่างกายและเป็นต่อมสำคัญที่จะไปควบคุมการทำงานของต่อมอื่นๆในร่างกาย ต่อมไธรอยด์ ต่อมไพเนียล นี่มีหน้าที่ช่วยสร้างสารเซโรโตนินกระตุ้นให้เราตื่นในตอนกลางวัน และสร้างสารเมตาโตนินทำให้เรารู้สึกง่วงนอนในเวลากลางคืน และยังช่วยควบคุมระบบการทำงานของฮอร์โมนเพศที่มีหน้าสำคัญในการเจริญเติบโตของร่างกายให้เป็นปกติ 

ป้องกันโรคอัมพาต

การนอนห้อยหัวมีส่วนช่วยและป้องกันความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคภาวะสมองขาดเลือดและทำให้เกิดอาการอัมพาตเฉียบพลัน เพราะการนอนห้อยหัวนอกจากจะเป็นการส่งเลือด ไปเลี้ยงทำให้ไม่เกิดภาวะสมองขาดเลือดแล้ว การให้เลือดไหลเวียนขึ้นสู่ใบหน้าจนสีหน้าแดงกล่ำ ยังเปรียบเสมือนบริหารท่อเลือดอยู่เสมอ ท่อเลือดจึงไม่เกิดการอุดตันจากการไม่ได้ใช้งานขึ้นนั้นเอง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น