วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เคล็ด(ไม่)ลับ ขั้นตอนการดูแลผิวรับลมหนาว

ปัญหาผิวแห้งที่มาพร้อมกับสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยจนเดี๋ยวนี้ใครๆก็มองว่าเป็นเหมือนเรื่องที่ปกติไปซะแล้ว แต่จะรู้หรือเปล่าว่าปัญหาเหล่านี้หากยังไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ผิวที่แห้งแตกในฤดูหนาวอาจเกิดการระคายเคือง ตกเป็นสะเก็ด และกลายเป็นแผลอักเสบตามมาในที่สุด


ปัญหาของผิวแห้งที่เกิดขึ้น

เกิดจาก ต่อมผลิตไขมันเกิดการทำงานที่ลดลง ทำให้ผิวขาดน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ ผิวจึงไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื่นเอาไว้ได้ 

ปกติแล้วต่อมใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันที่เรียกว่า "ซีบัม" ซึ่งจะทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น และมีความนุ่มยืดหยุ่น แต่ในช่วงที่อากาศเย็นและแห้งนั้น อาจทำให้ผิวหนังแห้ง แตกเป็นขุย คัน และหยาบกระด้าง อาการผิวแห้งคันที่พบบ่อยในหน้าหนาว นั้นเนื่องจากอากาศที่แห้งได้ดูดน้ำออกจากผิวหนัง โดยทั่วไประดับน้ำในชั้นใต้ผิวซึ่งตามปกติจะอยู่ราว 10-20 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อไหร่ที่ลดลงเหลือน้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ผิวก็จะเริ่มแห้งและเกิดเป็นริ้วรอยเล็กๆเกิดขึ้น

วิธีการป้องกันและรักษาปัญหาผิวแห้ง โดยมีหลักการง่ายๆก็ คือ ป้องกันการเสียน้ำจากผิวหนัง และเพิ่มปริมาณน้ำที่เสียไปให้กับผิว ดังนี้ 

อาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น 
เพราะการอาบน้ำอุ่นในช่วงฤดูหนาว จะช่วยในเรื่องการขยายตัวของเส้นเลือดผิวได้ดี ทำใหห้เลือดเกิดการไหลเวียนเพิ่มขึ้น หลังจากอาบน้ำอุ่นแล้วให้ชโลมตัวด้วยน้ำเย็นต่อเป็นการปิดท้าย วิธีนี้จะทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหลังการอาบน้ำมากกว่าปกติแล้ว ยังเป็นการช่วยปิดรูขุมขน ป้องกันการสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิว

ที่สำคัญควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนไม่ทำลายไขมั้นที่จำเป็นในผิว

หลังอาบน้ำควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
การทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิว นอกจากจะช่วยให้ผิวไม่ลอก แตก เป็นขลุยแล้ว ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวชั้นนอกอีกด้วย

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวควรมีส่วนผสมของสาร 3 ชนิด คือ ยูเรีย แลคเตรท และกลูโค-กลีเซอรอล สารเหล่านี้จะให้ความชุ่มชื้นผิวตามธรรมชาติ ช่วยยึดเกาะโมเลกุลน้ำอยู่ภายใน ทำให้ผิวชุ่มชื้น เพิ่มการส่งผ่านโมเลกุลน้ำไปยังผิว แถมยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของชั้นปกป้องผิว และยังป้องกันการสูญเสียน้ำอีกด้วย

ดื่มน้ำเป็นประจำ ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
น้ำถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากอย่างหนึ่งในร่างกาย การดื่มน้ำที่เพียงพอจึงถือเป็นการบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก เมื่อร่างกายได้รับน้ำที่เพียงพอจะทำให้ผิวเกิดความชุ่มชื้น เปล่งปลั่งและสดใสขึ้น ปริมาณน้ำที่ควรบริโภคต่อวัน คือ 8 แก้ว หรือวันละ 2 ลิตรได้ยิ่งดี

ทานอาหารที่มีประโยชน์
โดยการเลือกทานอาหาร ผัก ผลไม้ ที่ช่วยในการส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันการขาดน้ำของร่างกายได้ เช่น โปรตีน, วิตามินบีรวม, วิตามินซี, วิตามินอี และโอเมก้า3 เป็นต้น

ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายวันละนิดเป็นประจำ จะช่วยให้หลอดเลือดในร่างกายมีการสูบฉีด และเลือดมีการไหลเวียนที่ดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณสดใส ร่างกายแข็งแรง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น